ทางการสหรัฐฯ
นำเทคโนโลยีจดจำใบหน้า มาช่วยในการจับกุมชายที่ใช้พาสปอร์ตปลอม ลักลอบเข้าประเทศ
ที่สนามบินนานาชาติดัลเลส ในเวอร์จิเนีย
หลังจากติดตั้งระบบจดจำใบหน้าในสนามบินได้เพียง 3 วันทางการจับกุมชายวัย 26 ปี
ที่เดินทางจากนครเซา เปาโล ของบราซิล
ซึ่งพยายามเข้าสหรัฐฯโดยใช้พาสปอร์ตปลอมของฝรั่งเศส
แต่ระบบจดจำใบหน้าสามารถระบุตัวได้ว่าข้อมูลบนใบหน้าของเขาไม่ตรงกับสัญชาติของหนังสือเดินทางที่เขาแสดงต่อเจ้าหน้าที่
เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเข้าตรวจค้นจึงพบว่า ชายคนดังกล่าวมีสัญชาติคองโก และซ่อนบัตรประจำตัวประชาชนของตัวเองไว้ในรองเท้าเจ้าหน้าที่หน่วยงานศุลกากร
ภายใต้กระทรวงความมั่นคงแห่มาตุภูมิสหรัฐฯ ระบุว่า สนามบินนานาชาติดัลเลส
เป็นหนึ่งใน 14 สนามบินในอเมริกา ที่นำร่องการใช้ระบบจดจำใบหน้า
ตามด่าตรวจคนเข้าเมืองของสนามบิน ซึ่งเริ่มใช้ระบบนี้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาปัจจุบัน
มีหลายประเทศทั่วโลกที่เริ่มนำระบบดังกล่าวไปใช้ โดยเฉพาะที่ประเทศจีน
ซึ่งมีการใช้ระบบจดจำใบหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนที่สหรัฐฯ
ก็เริ่มใช้ระบบนี้บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองตามพรมแดนสหรัฐฯ
ท่ามกลางเสียงคัดค้านว่าอาจเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
รวมทั้งการวิจัยที่ชี้ว่าระบบจดจำใบหน้ายังไม่แม่นยำเพียงพอ โดยเฉพาะกับคนผิวสีAdvertisementที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองตามสนามบินจะใช้การระบุเอกลักษณ์
อย่างการตรวจลายนิ้วมือ เพื่อดูว่าใช้หนังสือเดินทางจริงหรือไม่ในการเข้าออกประเทศ
แต่สร้างความล่าช้าในระบบตรวจคนเข้าเมืองอย่างมาก
ทำให้มีการผลักดันการใช้ระบบตรวจลายนิ้วมือเพียงอย่างเดียวแทนการใช้เอกสารการเดินทาง
ก่อนจะมีการเสนอให้ใช้ระบบจดจำใบหน้านี้ขึ้นมาระบบจดจำใบหน้า เริ่มได้รับความสนใจในสหรัฐฯ เมื่อไม่นานมานี้
หลังจากที่ผู้ก่อเหตุกราดยิงในสำนักงานของหนังสือพิมพ์ Capital Gazette ที่เมืองแอนนาโพลิส รัฐแมรีแลนด์ ซึ่งช่วยระบุตัวผู้ก่อเหตุ
ที่ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่พิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อระบุเอกลักษณ์